ด้วยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 อ.บ้านนาสาร ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร ว่าได้มีครอบครัวที่ประสบปัญหาทางสังคมในพื้นที่ ม.1 ต.น้ำพุ พักอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วย ปู่ ย่า และหลาน 2 คน อายุ 5 ปี และ 4 ปี เป็นพี่น้องกัน โดยปู่เป็นผู้ป่วยติดเตียงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ย่าเป็นผู้พิการ(ขา)เดินไม่ได้ ทั้ง 4 คน ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากอดมื้อกินมื้อและบางวันเด็ก ๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน
วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. นายอุทัย เทือกสุบรรณ นายอำเภอบ้านนาสาร มอบหมายให้ นายอธิภัทร หนูขวัญแก้ว ปลัดอำเภอประจำตำบลน้ำพุ ร่วมกับ อบต.น้ำพุ รพ.สต.น้ำพุ กำนัน ต.น้ำพุ ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.น้ำพุ และ อสม.ในพื้นที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ปรากฏว่า ครอบครัวดังกล่าวพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 105/2 ม.1 ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร อยู่อาศัยด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วย
1. นายทศพล นาคตาขุน (ปู่) อายุ 69 ปี ป่วยติดเตียงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ขณะลงพื้นที่ตรวจสอบเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านนาสาร (Admit ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2568)
2. นางสัมฤทธิ์ นาคตาขุน (ย่า) อายุ 70 ปี พิการ(ขา)เดินไม่ได้
3. ด.ช.ชยพล นาคตาขุน (หลาน) อายุ 5 ปี เรียนอยู่ชั้นอนุบาล โรงเรียนเทศบาล 2 (บ้านอู่มาด) ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร
4. ด.ญ.ธัญญรัตน์ นาคตาขุน (หลาน) อายุ 4 ปี เรียนอยู่ชั้นอนุบาล โรงเรียนเทศบาล 2 (บ้านอู่มาด) ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร
จากการสอบถาม นางสัมฤทธิ์ นาคตาขุน (ย่า) ทราบว่า พ่อของ ด.ช.ชยพล นาคตาขุน และ ด.ญ.ธัญญรัตน์ นาคตาขุน ซึ่งเป็นบุตรชายของตนติดคุกอยู่ด้วยข้อหาคดียาเสพติด ส่วนแม่ของเด็กเสพยาเสพติดจนเสียสติเป็นผู้ป่วยจิตเวชญาติพาไปรักษาตัวที่จังหวัดอุดรธานี ตนจึงทำหน้าที่ดูแลหลานทั้ง 2 คน พร้อมสามีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง โดยมีรายได้รวมเดือนละ 2,000 บาท จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยผู้พิการของตนเดือนละ 1,400 บาท ส่วนของสามีได้เฉพาะเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท เบี้ยผู้พิการยังไม่ได้เนื่องจากมีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้านในเขต ทม.นาสาร แต่บ้านที่พักอาศัยอยู่ในเขต อบต.น้ำพุ จึงไม่สามารถทำเรื่องเพื่อขอรับเงินเบี้ยผู้พิการกับ อบต.น้ำพุได้ โดยติดขัดที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงจึงไม่สามารถไปดำเนินการเรื่องย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ในเขต อบต.น้ำพุได้ ในการรับส่งหลานทั้ง 2 คนไปโรงเรียนได้ฝากเพื่อนบ้านคอยรับส่งให้ แต่ก็ไม่ได้ไปทุกวัน การใช้ชีวิตประจำวันหลานทั้ง 2 คนคอยช่วยหยิบจับสิ่งของให้ เนื่องจากตนเองเดินไม่ได้ เคลื่อนที่ด้วยการกระเถิบก้นไปทีนิด และ สนง.พมจ.สฎ. เคยลงพื้นที่เพื่อจะมารับตัวเด็กทั้ง 2 คนไปดูแลแต่ปู่และย่าไม่ยอมให้หลานไปโดยอ้างว่าสามารถดูแลหลานได้จนกว่าบุตรชายซึ่งเป็นพ่อของเด็กทั้ง 2 คนจะพ้นโทษออกมา โดยยังเหลือระยะเวลารับโทษจำคุกอีก 1 ปีกว่า
การช่วยเหลือเบื้องต้น
1. กิ่งกาชาดอำเภอบ้านนาสาร ได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีพ เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ป่วยติดเตียง กระดาษชำระแบบเปียกและแบบแห้ง น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ พร้อมเงินสด จำนวน 2,000 บาท
2. อบต.น้ำพุ ได้มอบข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป สำหรับรับประทานในการดำรงชีพ
3. ปลัดอำเภอประจำตำบลน้ำพุ ได้ดำเนินการช่วยย้ายที่อยู่ตามทะเบียนบ้านผ่านแอพพลิเคชัน ThaiD ให้กับ นายทศพล นาคตาขุน (ปู่) ไปยังบ้านหลังที่พักอาศัย บ้านเลขที่ 105/2 ม.1 ต.น้ำพุ ตามความประสงค์ของเจ้าตัว เพื่อให้ อบต.น้ำพุ ดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้ได้รับเงินเบี้ยผู้พิการต่อไป
ทั้งนี้ อ.บ้านนาสาร จะได้ประสานไปยัง สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุราษฎร์ธานี


























